โปรโมทสินค้าฟรี ซื้อ ขาย เช่า
หมวดหมู่ทั่วไป => พูดคุยเรื่องทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 25 ตุลาคม 2025, 14:14:11 น.
-
โรคไต อันตรายกว่าที่คิด ภัยเงียบที่คนไทยป่วยไม่รู้ตัว (https://doctorathome.com/disease-conditions/298)
โรคไต ได้ชื่อว่าเป็น "ภัยเงียบ" ที่คุกคามสุขภาพคนไทยอย่างน่ากลัว เพราะในระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการใด ๆ จนกระทั่งการทำงานของไตลดลงไปมากกว่า 50% แล้วจึงเริ่มปรากฏอาการ ซึ่งหลายครั้งก็สายเกินกว่าจะรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้
นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับภัยเงียบของโรคไตที่คนไทยควร "รู้ทัน" และป้องกัน:
1. โรคไต: ภัยเงียบที่อันตรายกว่าที่คิด
ไตมีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง เช่น การกรองของเสีย การรักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ การสร้างฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดเลือดแดงและการควบคุมความดันโลหิต เมื่อไตเสื่อมลงเรื่อย ๆ (โรคไตเรื้อรัง) การทำงานเหล่านี้จะบกพร่อง ทำให้เกิดการสะสมของของเสียและน้ำในร่างกาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกระบบในร่างกาย
สถิติที่น่ากังวล: ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังส่วนใหญ่มักถูกวินิจฉัยเมื่อเข้าสู่ระยะที่ 3-5 แล้ว ซึ่งเป็นระยะที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และอาจนำไปสู่การล้างไตในที่สุด
2. สาเหตุหลักที่ทำให้คนไทยเป็นโรคไต
สาเหตุหลักของโรคไตเรื้อรังในประเทศไทยมักมาจากโรคประจำตัวที่คนส่วนใหญ่มองข้ามการควบคุม:
เบาหวาน (Diabetes): เป็นสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดโรคไต เบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดีจะทำลายเส้นเลือดเล็ก ๆ ในไต
ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้จะทำลายหลอดเลือดในไต ทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นและเสื่อมเร็วขึ้น
พฤติกรรมการบริโภค: การรับประทานอาหารรสเค็มจัด (โซเดียมสูง) หวานจัด และอาหารแปรรูป
การใช้ยาและสมุนไพร: การซื้อยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น ไอบูโพรเฟน) หรือสมุนไพร/อาหารเสริมที่ไม่ได้มาตรฐานมารับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
พันธุกรรม: การมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคไต
3. สัญญาณเตือนที่คนไทยมักมองข้าม
เนื่องจากอาการของโรคไตในระยะเริ่มต้นไม่ชัดเจน จึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแค่อาการอ่อนเพลียธรรมดา สัญญาณที่ควรสังเกตมีดังนี้:
กลุ่มอาการ ลักษณะอาการที่พบ
ความผิดปกติของปัสสาวะ 🔹 ปัสสาวะเป็นฟองมากผิดปกติ (เกิดจากโปรตีนรั่ว) 🔹 ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน 🔹 ปัสสาวะน้อยลงมาก หรือมีสีขุ่น/สีเลือด
อาการบวม บวมตามใบหน้าและรอบดวงตา (มักเห็นชัดตอนตื่นนอน) 🔹 บวมที่มือ ข้อเท้า และขา (เมื่อกดแล้วบุ๋ม)
อาการทั่วไป อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือรู้สึกไม่ค่อยมีแรง 🔹 คลื่นไส้ เบื่ออาหาร มีรสขมในปาก หรือไม่รับรสอาหาร
อาการอื่น ๆ คันตามผิวหนังโดยไม่ทราบสาเหตุ 🔹 เป็นตะคริวบ่อย ๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน 🔹 ความดันโลหิตสูงขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ
4. แนวทางการป้องกันและดูแลรักษาไต
สิ่งสำคัญที่สุดคือการ ตรวจคัดกรองไต และการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน:
การป้องกันและชะลอความเสื่อมของไต
ควบคุมโรคประจำตัว: หากเป็นเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมระดับน้ำตาลและความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด
ลดโซเดียม: หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด อาหารแปรรูป เครื่องปรุงรสเค็ม และขนมขบเคี้ยว
ดื่มน้ำในปริมาณพอเหมาะ: ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (ปรึกษาแพทย์หากเป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย)
หลีกเลี่ยงยาที่เป็นอันตรายต่อไต: ไม่ซื้อยากลุ่มแก้ปวดแก้อักเสบ (NSAIDs) หรือสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐานมารับประทานเอง
ตรวจสุขภาพไตประจำปี: โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรตรวจค่าการทำงานของไต (eGFR) และตรวจปัสสาวะหาโปรตีนรั่วอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อเข้าสู่ภาวะไตวาย
การรักษาจะเน้นการชะลอความเสื่อมของไต ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และเตรียมพร้อมสำหรับการบำบัดทดแทนไตเมื่อถึงเวลา:
ควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด: จำกัดปริมาณโซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และควบคุมโปรตีนตามคำแนะนำของนักโภชนาการ
บำบัดทดแทนไต: เมื่อไตทำงานได้น้อยกว่า 15% แพทย์จะพิจารณาการรักษาด้วยการฟอกเลือด (Hemodialysis) การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis) หรือการปลูกถ่ายไต
การตรวจพบโรคไตตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในการรักษาที่หลากหลาย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้นานที่สุด