แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 33
1
มอเตอร์โชว์: CHANGAN Automobile ชูนวัตกรรมสุดล้ำภายใต้แนวคิด Together for a Smarter World

CHANGAN Automobile ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะคาร์บอนต่ำ ร่วมจัดแสดงนวัตกรรมภายใต้ธีม Together for a Smarter World ในงาน Auto Shanghai 2025 สะท้อน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Mission of Shangri-La สำหรับพลังงานทางเลือกใหม่, แผนพัฒนา Dubhe 2.0 และ Vast Ocean Plan สำหรับการขยายธุรกิจทั่วโลก มุ่งสู่ปฐมบทใหม่ของเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

CHANGAN เดินหน้ายกระดับองค์กรอย่างต่อเนื่อง สร้างความสำเร็จด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดผ่านกลยุทธ์หลักทั้งสามประการ โดยภายใต้ Mission of Shangri-La บริษัทได้พัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตต Golden Shield และผลิตภัณฑ์พลังงานทางเลือกใหม่อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน BlueCore 3.0 และเทคโนโลยี PREV รายแรกของอุตสาหกรรมที่ผสานเทคโนโลยี PHEV และ REEV เข้าด้วยกัน ส่วนแผนพัฒนา Dubhe 2.0 ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบอัจฉริยะต่างๆ อาทิ ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ TS (Intelligent TS Drive), ห้องโดยสารอัจฉริยะ TY (Intelligent TY Cockpit) และแชสซีอัจฉริยะ TH (Intelligent TH Chassis) ขณะที่ Vast Ocean Plan ได้ช่วยให้ CHANGAN สามารถขยายธุรกิจไปทั่วโลกโดยเฉพาะทวีปยุโรป

CHANGAN Automobile ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามาโดยตลอด สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งด้านพลังงานทางเลือกใหม่และการขับขี่อันชาญฉลาด พร้อมทั้งขับเคลื่อนการเปิดตัวยนตรกรรมอัจฉริยะรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในงาน Auto Shanghai 2025 ครั้งนี้ CHANGAN Automobile ได้เผยโฉมยานยนต์อัจฉริยะระดับเรือธง 3 รุ่น ได้แก่ CHANG-AN Q07, DEEPAL S09 และ AVATR 06 ซึ่งเป็นโซลูชันยานยนต์ล้ำสมัยรุ่นล่าสุดจาก 3 แบรนด์หลัก ตอกย้ำความเป็นผู้นำที่ขับเคลื่อนการนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์อันชาญฉลาด รวมถึงความแข็งแกร่งด้านการพัฒนายานยนต์ดิจิทัลอัจฉริยะ นอกจากนี้ ยังได้จัดแสดงยนตรกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์บินได้ (Flying Cars), หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ (Humanoid Robots), หุ่นยนต์สุนัข (Robot Dogs), หุ่นยนต์ติดล้อ (Wheeled Robots) และหุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริงอัจฉริยะ (Smart Exoskeleton) สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ด้านการคมนาคมขนส่งแห่งอนาคตและบทบาทของ CHANGAN ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม

ในงาน Auto Shanghai ครั้งนี้ CHANGAN ได้นำสื่อมวลชนกว่า 500 คนจากในประเทศและต่างประเทศรวมถึงพันธมิตรระดับโลกกว่า 600 ราย มาร่วมชมผลงานความสำเร็จด้านดิจิทัลอัจฉริยะของทั้ง 3 แบรนด์หลัก โดย CHANGAN ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านนวัตกรรมผ่านการนำเสนอประสบการณ์แบบ immersive ที่บูธของแต่ละแบรนด์, เทคโนโลยีล้ำสมัยที่นำมาจัดแสดง และงานแถลงข่าวสำหรับสื่อมวลชนจากทั่วโลก เปิดศักราชใหม่ของการดำเนินธุรกิจอย่างมีพลวัตด้วยขุมพลังของเทคโนโลยีที่สอดรับกับทิศทางของตลาดโลก

นายจู หัวหรง ประธานบริษัท CHANGAN Automobile กล่าวว่า “เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา CHANGAN Automobile ได้ดำเนินแผนธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ Mission of Shangri-La, แผนพัฒนา Dubhe 2.0 และ Vast Ocean Plan เพื่อยกระดับสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะคาร์บอนต่ำ นับจากนั้นเป็นต้นมา CHANGAN Automobile ยังคงยึดมั่นในนวัตกรรมและให้ความสำคัญกับการพัฒนาระดับสูงที่อัจฉริยะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

ทั้งนี้ CHANGAN ยังคงมุ่งมั่นสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับการเดินทางในอนาคตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมทั่วโลกโดยขยายความร่วมมือไปยังภาคส่วนต่างๆ ด้วยความเชื่อมั่นว่าพลังของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะขับเคลื่อนและจุดประกายยุคใหม่ของการเดินทางให้กับมนุษยชาติ

2
ตรวจอาการหูบาดเจ็บจากความกดดันอากาศ (Barotrauma/Barotitis media)

ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้ที่นั่งเครื่องบิน และผู้ที่ดำน้ำลึก เกิดการเปลี่ยนแปลงของความกดดันอากาศ ทำให้เกิดอาการปวดหู หูอื้อ ส่วนใหญ่มักเป็นเพียงเล็กน้อยและหายได้เองในเวลาสั้น ๆ ส่วนน้อยที่อาจมีอาการรุนแรง

สาเหตุ

ในคนปกติ หูชั้นกลางจะมีการปรับความดันอากาศให้เท่ากับหูชั้นนอก (ความดันในบรรยากาศ) โดยการกลืนหรือหาว ทำให้ท่อยูสเตเชียน (ซึ่งเชื่อมระหว่างช่องคอกับหูชั้นกลาง) เปิดให้อากาศมีการเคลื่อนตัวเข้าออก เพื่อปรับความดันในหูชั้นกลางให้เท่ากับหูชั้นนอกตลอดเวลา

ในผู้ที่มีภาวะอุดกั้นของท่อยูสเตเชียน (เช่น ขณะเป็นไข้หวัด หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ โรคหวัดภูมิแพ้ หรือในทารกและเด็กเล็กซึ่งมีท่อยูสเตเชียนที่แคบกว่าผู้ใหญ่เพราะยังเจริญไม่สมบูรณ์) เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของความดันของบรรยากาศ (ขณะเครื่องบินขึ้นหรือลงเร็ว ๆ หรือขณะดำน้ำลึก) ก็จะไม่สามารถปรับความดันในหูชั้นกลางให้เท่ากับหูชั้นนอก ทำให้เยื่อแก้วหูถูกดูดเข้า (กรณีที่ความดันในหูชั้นกลางต่ำกว่าหูชั้นนอก เช่น ขณะเครื่องบินลง) หรือดันให้โป่งออก (กรณีที่ความดันในหูชั้นกลางสูงกว่าหูชั้นนอก เช่น ขณะเครื่องบินขึ้น) และมีน้ำเลือดคั่งที่เยื่อบุภายในหูชั้นกลาง ทำให้เกิดอาการปวดหูและหูอื้อ

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหู หูอื้อ หูตึงเล็กน้อย มีเสียงดังในหู เวียนศีรษะ หลังนั่งเครื่องบินหรือดำน้ำลึก อาจเป็นที่หูข้างเดียวหรือพร้อมกัน 2 ข้างก็ได้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นอยู่นานเพียง 2-3 ชั่วโมงก็หายไปได้เอง

ในรายที่มีอาการนานกว่า 2-3 ชั่วโมง อาจมีอาการปวดหูรุนแรง หูตึงอย่างมาก มีเลือดออกจากหู หรือมีอาการบ้านหมุนร่วมด้วย ถึงหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนก็อาจจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์

ทารกและเด็กเล็กที่นั่งเครื่องบิน หากมีภาวะนี้ขณะเครื่องกำลังบินขึ้นหรือลง อาจมีอาการปวด หูอื้อ ร้องกวน งอแง


ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้เยื่อแก้วหูทะลุ หูชั้นกลางอักเสบ หูตึง มีเลือดออกจากหู มีอาการปวดหูเป็น ๆ หาย ๆ วิงเวียนหรือเห็นบ้านหมุนเรื้อรัง

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการที่พบในผู้ที่กลับจากการเดินทางโดยเครื่องบิน หรือดำน้ำลึก และการใช้เครื่องส่องหู จะตรวจพบเยื่อแก้วหูถูกดึงเข้าหรือโป่งออก ในรายที่เป็นมากอาจพบมีรอยห้อเลือดที่เยื่อแก้วหู เยื่อแก้วหูทะลุ หรือมีเลือดออกจากหู และอาจตรวจพบมีเลือดหรือของเหลวอยู่ที่ด้านหลังของเยื่อแก้วหู

ในรายที่มีอาการวิงเวียน เห็นบ้านหมุน ซึ่งแสดงว่ามีความผิดปกติในหูชั้นในร่วมด้วย แพทย์จะทำการตรวจสมรรถภาพของการได้ยิน (audiometry) เพื่อดูว่ามีผลกระทบต่อประสาทหูส่วนการได้ยินมากน้อยเพียงใด


การรักษาโดยแพทย์

1. ถ้าอาการปวดหู หูอื้อไม่หายภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังมีอาการ แพทย์จะให้กินยาสูโดเอฟีดรี และ/หรือยาหดหลอดเลือดชนิดพ่นจมูก

ถ้ามีอาการปวดให้ยาแก้ปวด

ถ้าเป็นหวัดภูมิแพ้ ให้ยาแก้แพ้

ถ้าเป็นไข้หวัดหรือไซนัสอักเสบร่วมด้วย ให้การรักษาควบคู่กันไป

2. ถ้าไม่ทุเลาภายใน 1 สัปดาห์ หรือปวดรุนแรง เยื่อแก้วหูทะลุ หรือมีเลือดออกจากหู แพทย์อาจจำเป็นต้องทำการกรีดเยื่อแก้วหู (myringotomy) เพื่อระบายเลือดที่คั่งอยู่ในหูชั้นกลาง และปรับความดันในหูชั้นกลางให้เท่ากับหูชั้นนอก

ถ้ามีเยื่อแก้วหูทะลุที่ไม่สามารถปิดได้เอง แพทย์จะทำการปลูกเยื่อแก้วหู (eardrum patch) โดยใช้สารเคมีจี้ที่ขอบรอยฉีกขาด กระตุ้นให้เซลล์เยื่อแก้วหูงอก แล้วปะบริเวณที่รอยฉีกขาดด้วยกระดาษแบบพิเศษ โดยมักต้องทำซ้ำหลายครั้งจนกว่ารูจะปิดสนิท หากวิธีข้างต้นไม่ได้ผลหรือเห็นว่ามีความจำเป็นก็จะทำการผ่าตัดปะเยื่อแก้วหู (tympanoplasty) โดยนำเนื้อเยื่อส่วนอื่นในร่างกาย (เช่น หลอดเลือดดำ เยื่อพังผืดของกล้ามเนื้อ) มาปะรอบบริเวณรูทะลุบนเยื่อแก้วหู

ผลการรักษา ส่วนใหญ่อาการมักจะหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์


การดูแลตนเอง

ขณะเครื่องบินขึ้นหรือลง ถ้าหากมีอาการปวดหูหรือหูอื้อเกิดขึ้น ให้รีบทำท่าหาวและกลืนน้ำลาย หรือทำการเป่าลมเบา ๆ ในปากโดยการปิดปากและบีบจมูก ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เพื่อช่วยให้เปิดท่อยูสเตเชียนให้ลมผ่านเข้าออก ปรับความดันในหูชั้นกลาง ซึ่งอาการมักจะทุเลาได้ทันที

แต่ถ้าอาการไม่หายภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังลงเครื่องบิน ควรไปปรึกษาแพทย์ และดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์


การป้องกัน

1. ขณะเป็นหวัด หูชั้นกลางอักเสบ หรือไซนัสอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการนั่งเครื่องบินหรือดำน้ำลึก

ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ในการใช้ยาป้องกัน แพทย์อาจให้ยาพ่นจมูกที่เข้ายาแก้คัดจมูก (decongestant) เข้าจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 4 ครั้ง หรือให้กินสูโดเอฟีดรีน ก่อนออกเดินทางหรือดำน้ำ 30-60 นาที (ถ้าเป็นการนั่งเครื่องบินเดินทางไกลควรกินก่อนเครื่องลง 30-60 นาที) ถ้าเป็นโรคหวัดภูมิแพ้ ก็จะให้กินยาแก้แพ้ ก่อนออกเดินทางหรือดำน้ำ 30-60 นาที

2. เวลานั่งเครื่องบิน ขณะเครื่องกำลังบินขึ้นหรือลง ควรทำท่าหาวและกลืนน้ำลาย หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง (สำหรับทารกและเด็กเล็ก ให้เด็กดื่มนมหรือน้ำ โดยให้อยู่ในท่านั่ง ถ้าดูดจากหลอดได้ให้เด็กใช้หลอดดูด กระตุ้นให้มีการกลืนบ่อย ๆ) เพื่อกระตุ้นให้ท่อยูสเตเชียนเปิด

3. เวลาดำน้ำลึก ควรดำลงอย่างช้า ๆ เพื่อให้หูมีเวลาปรับตัว


ข้อแนะนำ

ผู้ที่เดินทางโดยเครื่องบิน หรือดำน้ำลึก ควรเรียนรู้วิธีป้องกันโรคนี้ และวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการ หากอาการไม่ทุเลาภายใน 2-3 ชั่วโมง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว และดูแลรักษาอย่างจริงจังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน


3
mobile expo 2025: เสียวหมี่วางจำหน่าย Redmi Pad SE 8.7 แท็บเล็ตที่ให้คุณพกพาความสนุกได้ทุกที่ ในราคาเพียง 3,999 บาท

เสียวหมี่ ประเทศไทย พร้อมวางจำหน่าย Redmi Pad SE 8.7 (wifi version) แท็บแล็ตที่ให้คุณพกพาความสนุกได้ทุกที่ด้วยหน้าจอถนอมสายตาขนาด 8.7 นิ้วอันคมชัด และอัตรารีเฟรชสุดลื่นไหล 90Hz ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ octa-core อันทรงพลัง ทั้งยังให้คุณสนุกได้ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,650 mAh (typ) Redmi Pad SE (wifi version) หน่วยความจำ 4G+64GB พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ที่ mi.com และช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada และ TikTok Shop ในราคาเพียง 3,999 บาท
มอบความบันเทิงแบบพกพาด้วยภาพที่สวยงามและเสียงอันคมชัด

Redmi Pad SE 8.7 มาพร้อมหน้าจอขนาด 8.7 นิ้ว1 ที่มีความสว่างสูงสุด 600 นิตและอัตราส่วนคอนทราสต์ 1500:1 ที่ช่วยให้ภาพนั้นยังคงความสดใสและคมชัดแม้ว่าคุณจะใช้งานในที่กลางแจ้ง และด้วยความลึกสี 10 บิตที่สามารถแสดงสีได้ถึง 1 พันล้านสีทำให้ตัวอุปกรณ์นั้นมอบสีที่ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ Redmi Pad SE 8.7 ยังมาพร้อมอัตราการรีเฟรช 90Hz2 เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การรับชมและการเล่นเกมที่ดื่มด่ำ

Redmi Pad SE 8.7 ยังมาพร้อมอัตราส่วนภาพ 5:3 ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการท่องเว็บและการอ่านของคุณให้ดียิ่งขึ้นด้วยการรับชมในแนวกว้างที่กว้างมากกว่าเดิม นอกจากนี้ตัวอุปกรณ์ยังมาพร้อมโหมดการอ่านที่แตกต่างกันสองโหมด ได้แก่โหมดกระดาษและโหมดคลาสสิก เพื่อเพิ่มความสบายตาในการอ่านหนังสือเป็นเวลานานและให้คุณสามารถปรับโหมดให้เข้ากับความชอบรวมไปถึงสภาพแวดล้อมของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในตอนกลางวันที่มีแสงแดดจ้าหรือในห้องที่มีแสงสลัว ทั้งนี้ Redmi Pad SE 8.7 ยังมาพร้อมการป้องกันแสงสีฟ้า TÜV Rheinland Low Blue Light, ปราศจากการกระพริบ Flicker Free และ DC dimming ที่รวดเร็ว ที่จะช่วยถนอมสายตาของผู้ใช้งานและให้คุณสามารถปรับการรับชมที่เหมาะสมที่สุดได้อีกด้วย
Redmi Pad SE 8.7 ยังเอาใจผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิงด้วยลำโพงสเตอริโอคู่ที่รองรับ Dolby Atmos® เพื่อมอบเสียงที่เต็มอิ่ม เร้าใจและดื่มด่ำ ยกระดับความบันเทิงในการรับฟังและรับชมภาพยนตร์และเพลงขึ้นไปอีกขั้น

ประสิทธิภาพอันน่าทึ่งและน้ำหนักที่เบาเพื่อการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น
Redmi Pad SE 8.7 ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ MediaTek Helio G85 แบบ octa-core เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการการทำงานหลายอย่างพร้อมกันรวมไปถึงการเล่นเกมได้ง่ายยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,650mAh (typ) ที่ให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงหรือใช้งานได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

Redmi Pad SE 8.7 ได้รับการออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถพกพาไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยมีความบางเพียง 8.8 มม. และมีเพียงน้ำหนัก 373 กรัม3 เท่านั้นจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใส่ไว้ในกระเป๋าเป้สำหรับการออกไปเที่ยวทั้งวันหรือจะเป็นการใช้งานระหว่างเที่ยวบินไกลๆ Redmi Pad SE 8.7 จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานเพื่อความบันเทิงหรือการทำงานได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วของคุณ
Redmi Pad SE 8.7 (wifi version) หน่วยความจำ 4GB+64GB วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคาเพียง 3,999 บาท ที่ mi.com และช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada และ TikTok Shop

หมายเหตุ
1 ขนาดหน้าจอของ Redmi Pad SE 8.7 อยู่ที่ประมาณ 8.7 นิ้วเมื่อวัดตามแนวทแยงมุม พื้นที่ที่มองเห็นได้มีขนาดเล็กลงเนื่องจากมุมโค้ง การวัดระหว่างผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นอาจแตกต่างกันไป ข้อมูลจากห้องปฎิบัติการภายในของเสียวหมี่
2 อัตราการรีเฟรชสามารถปรับได้สูงสุด 90Hz สำหรับแอปที่รองรับ
3 ข้อมูลจากห้องปฎิบัติการภายในของเสียวหมี่ วิธีการวัดผลในอุตสาหกรรมอาจแตกต่างกัน ดังนั้นผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไป

4
เครื่องมือการจัดฟัน EF LINE ต่างจากการเครื่องมือการจัดฟันเด็กแบบเหล็กจัดฟันอย่างไร

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาฟันที่มความผิดปกติในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเด็กไทยส่วนใหญ่มีการเกิดฟันผุมาก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ผู้ปกครอง และพฤติกรรมในวัยเด็กที่อาจจะมีเข้าข่ายมีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาฟันในอนาคต ซึ่งในความเป็นจริง การเกิดความผิดปกติของการสบฟันที่เกิดกับเด็ก ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตามก็สามารถเกิดได้ทั้งนั้น  ดังนั้น เด็กควรที่จะได้รับการตรวจและรักษาโดยทันตแพทย์จัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ดีกว่าเป็นวัยรุ่น ซึ่งเด็กสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี หรือในวัยที่กำลังมีฟันแท้งอกออกมา แต่โดยทั่วไป

การจัดฟันในเด็กอายุต่ำว่า 10 ปี มักเป็นการจัดฟันบางส่วน จุดประสงค์ก็เพื่อการรักษาเฉพาะบริเวณ เพื่อป้องกันเบื้องต้น หรือช่วยลดความรุนแรงของปัญหา ซึ่งเมื่อเด็กโตพอ ก็มักจะต้องจัดฟันทั้งปากต่อไป หรือเหมาะสำหรับการจัดฟันแบบใช้เครื่องมือ EF LINE ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี ได้อย่างดีเลยทีเดียว เพราะเนื่องจากเด็กบางคนในวัยนี้ ยังไม่สามารถดูแลตัวเองในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดีเท่าที่ควร อาจจะยังไม่สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์จัดฟันได้ดีเท่าที่ควร จึงเหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันด้วยการใช้เครื่องมือ EF LINE พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก แบบ EF LINE ว่าจะมีความแตกต่างกับการจัดฟันในเด็กที่สวมใส่เครืองมือแบบติดแน่น ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงข้อแตกต่างของการจัดฟันในเด้กแบบ EF LINE และการจัดฟันในเด็กแบบสวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น ให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เป้นแนวทางในการจัดสินใจพาเด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อแก้ไขปัญหาฟัน
 
ในปัจจุบันได้มีการศึกษาในเรื่องของทันตกรรมในเด็ก ซึ่งพบว่า กล้ามเนื้อใบหน้าและลิ้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด และการทำงานของกระดูกขากรรไกรและใบหน้า ดังนั้น จึงมีการออกแบบเครื่องมือเพื่อทำการปรับแก้ไขปัญหาของกล้ามเนื้อซึ่งต้องร่วมกับการฝึกโดยการออกกำลังกล้ามเนื้อ การปรับเปลี่ยนการหายใจให้ถูกวิธี รวมถึงการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยปรับการกลืนให้ถูกต้อง โดยเครื่องมือดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า EF LINE ซึ่งเครื่องมือดังกล่าว เป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ


ดังนั้น ตามหลักการแล้วหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้องทำการเริ่มแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต  โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จนถึงอายุ 15 ปี โดยเครื่องมือในกลุ่มนี้มีความหลากหลายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหารูปหน้าที่มีคางหลุบ ค้างเบี้ยวกระดูกและฟันบนยื่น และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า เป็นต้น ซึ่งจะแตกต่างจากการจัดฟันในเด็กที่ใส่เครื่องมือแบบติดแน่น ก็คือ การจัดฟันในเด็กแบบใส่เหล็กจัดฟันนั้น ก็เหมือนกับการจัดฟันในวัยผู้ใหญ่ เพราะใช้เครื่องมือแบบเดียวกัน และมีการดูแลรักษาที่เหมือนกัน เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป เพราะเด็กในวัยนี้ จะสามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ได้ดีกว่า และจะต้องมีวิธีการดูแลรักษาที่ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้น เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น จึงไม่เหมาะสมกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี เพราะยังไม่สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ได้นั่นเอง


สำหรับใครที่อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก รวมไปถึงด้านทันตกรรมในเด็กในด้านอื่นๆด้วย จากประสบการณ์อย่างยาวนานในวงการทันตกรรมทำให้สามารถให้คำปรึกษาและช่วยแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราอยากให้เด็กทุกคนมีทัศนคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

5
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


6
พูดคุยเรื่องทั่วไป / bigbike ดูคาติ Ducati Panigale V4 ปี 2025
« เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2025, 18:05:10 น. »
bigbike ดูคาติ Ducati Panigale V4 ปี 2025
1,199,000 บาท

ดูคาติ Ducati Panigale V4 ปี 2025
Ducati Panigale V4 สุดยอดขุมพลังจากสนามแข่งเจนเนอเรชั่นใหม่ ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกอย่างมาก และ เป็นไอคอนของ Ducati ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ ความทันสมัย และประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่ารุ่นอื่นๆ รวมไปถึงเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale ที่ใช้มาตรฐาน EURO5+ แต่ยังคงทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ พลัง 2 สูบ V-Twin 1,103 ซีซี มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ทั้งหมด 5 โหมด ได้แก่ Race A, Race B, Sport, Road, Wet และมีระบบควบคุมการขับขี่มีให้ทั้งหมด 6 โหมด โดยใช้อัลกอริทึม Ducati Vehicle Observer (DVO) จาก Ducati Corse

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             Ducati
   รุ่น                  ดูคาติ Ducati Panigale V4 ปี 2025
   ประเภทรถ         Sport Touring Bigbike
   ปีที่เปิดตัว         2025
   ราคา              1,199,000 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์          เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์           6 เกียร์ พร้อม DQS (Ducati Quick Shift) Up/Down
   รายละเอียดเครื่องยนต์   เครื่อง Desmosedici Stradale 90 องศา V4 ระบบวาล์ว Desmodromic 4 วาล์วต่อสูบ
   ระบบระบายความร้อน    น้ำ
   ระบบสตาร์ท              สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)  1103 CC
   แบบเครื่องยนต์           4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด            Electronic
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง   แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน             หัวฉีด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)    17 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน           ล้อหน้า 43 mm Showa BPF, ล้อหลัง Sachs mono-shock
   ระบบเบรค                  ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 330 มม. แม่ปั๊ม 4 ลูกสูบ Brembo Hypure + ABS), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 245 มม. แม่ปั๊ม 2 ลูกสูบ + ABS)
   แบบวงล้อ                   แมกซ์
   ขนาดยาง                    ล้อหน้า 120/70 ZR17, ล้อหลัง 200/60 ZR17
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)  ความสูงเบาะ 850 มม.
   น้ำหนักตัวรถ                    191.00 กก.

7
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


8
ปล่อยรถผู้บริหาร Volvo XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright รับส่วนลดเพิ่ม

วอลโว่ Volvo XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ปี 2023
Volvo XC90  Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ขุมพลัง T8 Twin Engine ์Drive E เบนซิน 2 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า อัพเกรดด้วยระบบทำกรองอากาศขั้นสูง Advanced Air Cleaning (AAC) พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับและวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5, ระบบเสียงระดับโลกจาก Bowers &Wilkins Premium, แท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 6 มี.ค. - 31 พ.ค. 2568
พิเศษสำหรับลูกค้า Checkraka รับส่วนลดเพิ่ม 50,000 บาท
Volvo Premium Service Package - Pro (VPSP Pro) - ถึง 31/1/2029

ราคาพิเศษ 3,390,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

เครื่องยนต์                       4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Turbocharged 317 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 400 ที่ 3,000 - 5,400 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหน้า และ มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 143 แรงม้า แรงบิด 309 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง

ขนาดเครื่องยนต์ (CC)        1,969 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)      317 แรงม้า
ระบบเกียร์                       เกียร์ออโต้ 8AT
รูปแบบเกียร์                     พร้อม Geartronic
ระบบเบรค ABS                มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบช่วยเบรคฉุกเฉิน EBA)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง        เบนซิน 95,แก๊สโซฮอล์ 95 (E10)
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)         N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน                หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์
น้ำหนักตัวรถ                     -
ประเภทยางรถยนต์               -
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน               ขับเคลื่อนสี่ล้อ (Drive Wheel ล้อหน้าขับด้วยเครื่องยนต์/ล้อหลังขับด้วยมอเตอร์ไฟ้ฟ้า)


9
การจัดฟันเด็ก กับ การจัดฟันตอนโต ต่างกันอย่างไร

การเข้ารับการจัดฟัน ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่ง ที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้แทบจะทุกกรณี แต่การจัดฟันนั้น ก็มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันที่สวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น การจัดฟันแบบใส การจัดฟันแบบเร็ว ซึ่งการจัดฟันในรูปแบบต่างๆที่กล่าวมานั้น ก็จะมีข้อแตกต่างกันออกไป มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน และแก้ไขปัญหาได้แตกต่างกัน

เช่นเดียวกับการจัดฟันในเด็กและการจัดฟันในผู้ใหญ่ แน่นอนว่าก็จะมีความแตกต่างกัน เพราะการจัดฟันในเด็กจะมีการใช้เครื่องมือที่แตกต่างกัน หลายคนเคยจัดฟันในตอนเด็กและอาจจะละเลยในการสวมใส่เครื่องมือที่ต้องใส่หลังการจัดฟัน เพื่อช่วยคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม พอโตมาก็อาจจะมีปัญหาอื่นๆตามมา จนต้องเข้ารับการจัดฟันอีกครั้ง ก็จะเห็นในข้อแตกต่างระหว่างการจัดฟันในเด็กกับการจัดฟันตอนโต

และวันนี้ทางคลินิก เราจะมาพูดถึงข้อแตกต่างของการจัดฟันในเด็กและการจัดฟันตอนโต ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร เผื่อพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็อาจจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจ และจะได้เห็นข้อแตกต่างจากการจัดฟันตอนโต

ต้องบอกก่อนว่า การจัดฟันในเด็ก ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยจะมีความจำเป็นมากเท่าไหร่ แต่การที่เราปลูกฝังหรือส่งเสริมบุตรหลานของท่านในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีสัญญาณสุขภาพช่องปากและฟันที่มีความผิดปกติของการขึ้นของฟัน หรือแม้กระทั่งการที่บุตรหลานของท่านมีพฤติกรรมการดูดนิ้ว จนอาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟัน

ต้องบอกว่า การจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เพราะการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถเริ่มจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 7-15 ปี เพราะในวัยนี้ ฟันน้ำนมจะหลุดออกหมดแล้ว และฟันแท้ก็ขึ้นครบแล้ว ซึ่งการจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นประโยชน์ นอกจากจะทำให้เด็กมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามตั้งแต่เด็กแล้ว ยังสามารถทำให้เด็กมีรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจและยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ เมื่อมีฟันเรียงสวย ไม่ซ้อนเก เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น

สำหรับการจัดฟันตอนโตนั้น ถือว่าเป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมมาก เพราะผู้ใหญ่บางคนก็มีปัญหาเกี่ยวกับฟันที่มีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นฟันห่าง ฟันซ้อน ฟันเก ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ การรับประทานอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้การบดเคี้ยวอาหารนั้น ไม่ดีเท่าที่ควร และยังส่งผลต่อการทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วย

ถ้าหากเราทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาช่องปากตามมาได้ จึงเลือกใช้วิธีการเข้ารับการจัดฟัน เพื่อที่จะช่วยแก้ไขปัญหาฟัน แต่การจัดฟันสำหรับผู้ใหญ่ ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า การจัดฟันในผู้ใหญ่อาจจะช้ากว่าการจัดฟันในเด็ก และมีข้อจำกัดมากกว่าเด็ก

เนื่องจากเด็กอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี การเคลื่อนฟันในเด็กเลยมักง่ายกว่า มีผลแทรกซ้อนน้อยกว่า ต่างกับการจัดฟันในผู้ใหญ่ที่ร่างกายเริ่มมีความเสื่อมถอย แต่อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์ก็จะต้องดูความเหมาะสม ตามภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย

ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก กับ การจัดฟันตอนโต นั้น ก็จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของ ข้อจำกัดในเรื่องของอายุ สภาพของร่างกาย อัตราการเคลื่อนของฟัน รวมไปถึงการตอบสนองต่อการรักษา แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้เช่นเดียวกัน

หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟัน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่คลินิก ทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันของท่านได้อย่างตรงจุดและถูกต้อง เพราะทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี อยากให้มีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

10
สินเชื่อรีไฟแนนซ์: บ้านแลกเงิน เลือกสินเชื่อแบงก์ไหนดี

เมื่อเกิดปัญหาการเงิน ต้องการเงินฉุกเฉิน นอกจากการขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อนำเงินก้อนมาเสริมสภาพคล่องแล้ว ยังมีสินเชื่ออีกหลายแบบเลยนะคะที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการเงินก้อนในยามฉุกเฉินโดยเฉพาะ วันนี้ขอพูดถึงในมุมคนมีบ้านที่ผ่อนหมดปลอดภาระจำนองแล้ว รู้มั้ยว่าเราสามารถนำบ้านไปเป็นสินทรัพย์ในการขอ "สินเชื่อบ้านแลกเงิน" ได้เงินก้อน แถมยังสามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้เหมือนเดิม ไปดูกันค่ะว่าสินเชื่อแบงก์ไหนดี และก่อนขอสินเชื่อบ้านแลกเงินต้องเข้าใจอะไรบ้าง

สินเชื่อบ้านแลกเงิน คืออะไร?
คือ การขอสินเชื่อแบบใช้บ้านที่ปลอดภาระแล้วเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยเจ้าของบ้านสามารถนำบ้านไปจดจำนองกับธนาคารแล้วผ่อนเงินกู้คืนตามสัญญา
 
สินเชื่อบ้านแลกเงินให้วงเงินเท่าไหร่?
ส่วนใหญ่ธนาคารจะอนุมัติไม่เกิน 80-90% จากราคาประเมิน แต่ทั้งนี้วงอนุมัติจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคารด้วย
 
อัตราดอกเบี้ย/ระยะเวลาชำระคืน
สินเชื่อบ้านแลกเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) และอัตราดอกเบี้ยที่ก็จะต่ำกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอีกด้วย ส่วยระยะเวลาการชำระคืนก็เลือกได้ค่ะ ว่าจะผ่อนสั้นผ่อนยาว และยังสมารถผ่อนได้สูงสุดถึง 30 ปี เหมือนกับสินเชื่อบ้านทั่วไปเลย
 
สินเชื่อบ้านแลกเงินเหมาะกับใคร?
1. ผู้ที่มีอสังหาริมทรัพย์ที่หมดภาระหรือผ่อนหมดแล้ว เช่น บ้าน, ทาวน์เฮ้าส์, คอนโด เป็นต้น และต้องการเงินก้อน
2. ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ รวมหนี้ทุกอย่างเข้าด้วยกัน เพราะสินเชื่อบ้านแลกเงินมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลอื่นๆ
3. ผู้ที่ต้องการเงินทุนไปต่อยอดทำธุรกิจต่าง ๆ

ต้องบอกว่าสินเชื่อบ้านแลกเงินมีภาระผูกพันกับเราพอ ๆ กับการขอสินเชื่อบ้านใหม่อีกครั้งเลยล่ะค่ะ สูงสุดถึง 30 ปี และสิ่งที่เตือนกันอยู่เสมอก็คือเมื่อได้เงินก้อนมาใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์แล้ว เรื่องชำระหนี้ให้ตรงเวลาก็สำคัญเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยให้ไม่มีหนี้สินตกค้างแล้ว ยังช่วยสร้างเครดิตทางการเงินของเราให้ดีด้วยล่ะค่ะ

11
ฉนวนกันความร้อนโรงงานที่ดี ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

โรงงานอุตสาหกรรมใดก็ตามที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ “ฉนวนกันความร้อน” จะถือว่าดำเนินธุรกิจด้วยความประมาทอย่างมาก เพราะการปล่อยให้โรงงานมีความร้อนสะสมมากจนเกินไป ไม่เพียงแต่จะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงทำให้เครื่องจักร และพนักงานทุกคนทำงานด้วยความเหนื่อยล้าและมีโอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเป็นอันตรายได้

ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาความร้อนสะสมภายโรงงานด้วยการติดฉนวนกันความร้อนนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเลือกฉนวนแบบใดก็ได้ แต่ต้องเลือกที่มีคุณภาพ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด โดยคุณสมบัติสำคัญที่เป็นเช็คลิสต์ในการเลือกฉนวนที่ดีนั้น มีดังต่อไปนี้


1.ฉนวนต้องมีความหนามากพอ

ฉนวนยิ่งมีความหนามากเท่าไร ยิ่งสามารถกันความร้อนได้ดีมากเท่านั้น นี่คือสิ่งสำคัญอันดับแรกที่จำเป็นต้องรู้ก่อนคัดเลือกฉนวนกันความร้อนมาใช้ภายในโรงงาน เพราะในตลาดนั้นมีประเภทฉนวนที่มีความบางอยู่หลายแบบ ทั้งที่ฟอล์ยอะลูมิเนียม เป็นบั๊บเบิ้ลฟอล์ย หรือที่เป็นฉนวนแบบพ่นเป็นสีสะท้อนความร้อนก็เช่นกัน

ซึ่งแม้ฉนวนทุกแบบจะมีความสามารถในการกันความร้อน แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันนั้นจะแตกต่างกัน โดยมีความหนาเป็นปัจจัยหนึ่ง ดังนั้น ถ้าต้องการฉนวนที่สามารถกันความร้อนได้มาก ๆ ก็ต้องเลือกที่มีความหนามาก ๆ เอาไว้ก่อน


2.ควรเป็นฉนวนที่ไม่ลุกลามไฟ

ฉนวนกันความร้อนที่ใช้ติดตั้งภายในโรงงานนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการติดไฟขึ้น ซึ่งหากตัวฉนวนลุกลามไฟง่าย ก็จะทำให้โรงงานเกิดความเสียหายและเป็นอันตรายได้มากขึ้น โดย PE PU PS โฟมทั้งหลายนั้น จะติดไฟง่ายมากและลามไฟได้ง่าย จึงถือว่าไม่ค่อยปลอดภัยมากนัก

ในขณะที่ฉนวนใยแก้วนั้นแม้จะติดไฟ แต่ไม่ลามไฟ อีกทั้งเมื่อติดไฟก็จะเกิดควันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงค่อนข้างได้รับความนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลาย เพราะมีส่วนช่วยในการเพิ่มความปลอดภัยในภายในโรงงานได้มากขึ้น


3.มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนได้ดี

นอกจากความหนาที่เป็นตัวกำหนดความสามารถในการกันความร้อนได้ดีของฉนวนแล้ว วัสดุที่ใช้ทำฉนวนนั้น ๆ ก็มีบทบาทต่อการกันความร้อนได้เช่นกัน หรือ แต่ละวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นโฟม เป็นฟอล์ย เป็นอุลูมิเนียม ฯลฯ ก็มีความสามารถในการกันความร้อนมากน้อยต่างกันไป โดยเพื่อให้ไม่ต้องคาดเดากันว่าวัสดุฉนวนชนิดไหนกันความร้อนได้ดีกว่ากัน เวลาที่เราเลือกฉนวนกันความร้อน ให้พิจารณาจากค่า R เป็นสำคัญ โดยค่า R คือค่าการต้านทานความร้อน ซึ่งยิ่งค่า R สูงเท่าไร ก็จะยิ่งบ่งบอกว่าวัสดุฉนวนชนิดนั้นมีความสามารถในการกันความร้อนสูงนั่นเอง

ฉนวนกันความร้อนเป็นหนึ่งในแบรนด์ฉนวนกันความร้อนที่ได้รับความนิยมใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก เพราะผลิตจากฉนวนใยแก้ว ที่มีค่าต้านทานความร้อนสูง เนื่องจากภายในเนื้อฉนวนใยแก้วนั้นมีโพรงอากาศจำนวนมากที่ช่วยกักเก็บความร้อนไม่ให้ทะลุผ่านได้ง่าย อีกทั้งตัวผลิตภัณฑ์ยังมีความหนา จึงยิ่งเพิ่มความสามารถในการกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

12
จัดฟันบางนา: วิธีการดูแลสุขภาพเหงือกและฟันให้แข็งแรงและสวยงาม

สุขภาพช่องปาก เป็นเรื่องต้องใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ เพราะถ้าหากเราไม่ใส่ใจดูแลรักษาฟันแล้ว อาจก่อให้เกิดฟันผุ ปวดฟัน และทำให้มีกลิ่นปากได้ เพราะว่าเรานั้นใช้ฟันบดเคี้ยวอาหารอย่างหนัก แต่หลายคนกลับละเลย การดูแลรักษาฟัน และเหงือกไปซะอย่างนั้น ปัญหาในช่องปากเลยถามหา โดยเฉพาะคราบแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดคราบหินปูน และเร่งให้ฟันผุเร็วขึ้น ทำให้เสี่ยงโรคร้ายได้เกินกว่าจะคาดคิด เรามีเคล็ดลับการดูแลสุขภาพฟันให้แข็งแรงมาบอกต่อ เพื่อที่ฟันแข็งแรงและสวยงามอยู่กับเราไปตลอด…


วิธีดูแลสุขภาพเหงือกและฟัน

1.    แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพราะนอกจากจะทำให้ฟันสะอาดแล้วก็ยังทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคที่เรียที่มาจากคราบจุลินทรีย์ซึ่งเป็นสาเหตุของการฟันผุและโรคเหงือกอีกมากมาย

2.    ใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม เพราะแปรงที่มีขนแข็งเกินไปอาจจะทำให้เหงือกร่นได้ และควรแปรงฟันไม่ต่ำกว่า 2 นาที

3.    ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์และควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม เพราะแปรงที่มีขนแข็งเกินไปอาจจะทำให้เหงือกร่นได้

4.    ควรใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วยทุกครั้งเพื่อลดคราบหินปูนที่เกาะอยู่ตามซอกฟันที่ขนแปรงเข้าไม่ถึง โดยพันไหมขัดฟันไว้ที่นิ้วชี้ ทั้งสองข้าง และใช้นิ้วโป้งช่วยจับไหมขัดฟันไว้ จากใช้ไหมขัดฟันพันรอบฟันทีละซี่ ขัดขึ้น-ลง อย่าขัดข้างหน้า-หลัง และอย่าขัดแรงเพราะจะทำให้เจ็บเหงือกได้

5.    ไม่ควรใช้การเคี้ยวหมากฝรั่งหรือใช้น้ำยาบ้วนปากแทนการแปรงฟัน เพราะไม่ช่วยให้คราบจุลินทรีย์ต่าง ๆ หลุดออกไปได้

6.    คนที่ใส่เหล็กดัดฟันหรือใส่ฟันปลอม อย่าลืมตรวจสอบและทำความสะอาดเป็นประจำ

7.    ตรวจสุขภาพฟันตามกำหนดทุก 6 เดือน


13
คอนโดติดรถไฟฟ้า ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต (Dcondo Hype Rangsit)
เริ่มต้น 1.39 ลบ.

ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต (Dcondo Hype Rangsit)
ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต ใกล้เพียง 250 เมตร จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ* ติดถนนใหญ่พหลโยธิน เข้าเมืองสะดวก ใกล้ทางด่วนอุตราภิมุข รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, โรงพยาบาลภัทร-ธนบุรี, Zpell และ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                   ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต (Dcondo Hype Rangsit)
 เจ้าของโครงการ              แสนสิริ
 แบรนด์ย่อย                   ดีคอนโด
 ราคา                          เริ่มต้น 1.39 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล                 คอนโดในเมือง
 ความสูงคอนโด               Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี              สตูดิโอ, 1 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี                  ตั้งแต่ 22.00 ถึง 34.25 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด                  4 ไร่
 จำนวนตึก                      2 อาคาร
 จำนวนชั้น                     8 ชั้น
 จำนวนห้อง                   546 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด              ประมาณ 30 %
 ค่าบำรุงส่วนกลาง             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค                 สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, อื่นๆ (Lobby, Game Room, Multi-Purpose Studio, สวนผักปลอดสารพิษ ลานสเก็ตบอร์ด พื้นที่ซักผ้า-อบผ้า อินเทอร์เน็ตไร้สาย (สำหรับโถงต้อนรับ, ห้องออกกำลังกาย, ห้องทำงานส่วนกลาง, สวนส่วนกลาง))

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน             ปทุมธานี, คลองหลวง, ธัญบุรี, ลำลูกกา
 ที่ตั้ง             ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:                      ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม, สถานี(บางซื่อ - รังสิต)(รังสิต)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง

ไลฟ์สไตล์

เมกา โฮม 170 เมตร
ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 6 กม.
สเปลล์ 6.2 กม.
ตลาดไท 5.4 กม.
ตลาดสี่มุมเมือง 11 กม.

สถานศึกษา

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 500 เมตร
AIT International School 7 กม.

โรงพยาบาล

โรงพยาบาลภัทรธนบุรี 800 เมตร
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 5.8 กม.

14
บริหารจัดการอาคาร: ติดกล้องวงจรปิด ที่บ้านควรเลือกแบบไหนดี

ในปัจจุบันบ้านเรามีระบบอินเตอร์เน็ตใช้ได้เข้าทั่วถึง การสื่อสารและเทคโนโลยีต่าง ๆ จึงพัฒนาล้ำหน้าตามไปด้วย ทำให้มีความสะดวกสบายากยิ่งขึ้น ทำให้การติดกล้องวงจรปิด สามารถส่งภาพวีดีโอไปยังโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่านสัญญาณไวไฟ ทำให้การดูแลความปลอดภัยให้กับสถานที่ต่าง ๆ ครอบคลุมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการติดกล้องวงจรปิดในบ้านของเรา

ที่สามารถดูผ่านมือถือได้ จึงเป็นทางเลือกความปลอดภัยที่ดีและทันสมัยที่สุดอย่างหนึ่งในยุคนี้ นอกจากนี้ กล้องวงจรปิด ถือเป็นอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งไม่ใช่แค่สถานที่สำคัญต่างๆเท่านั้น เพราะแม้แต่บ้านของเรา ก็ต้องการความปลอดภัยด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเป็นหูเป็นตา และคอยเตือนภัยในเวลาที่เราไม่อยู่บ้านแล้ว ภาพจากกล้องวงจรปิดยังสามารถใช้เป็นหลักฐานที่ดีเวลาเกิดคดีความต่างๆได้อีกด้วย

แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า กล้องวงจรปิดที่เหมาะสมกับบ้านของเรานั้น ควรจะเลือกใช้อย่างไรถึงจะมีประสิทธิภาพ ซึ่งทางเราจะมาแนะนำวิธีการเลือกใช้กล้องวงจรปิดที่จะติดตั้งภายในบ้านว่าควรจะเลือกแบบไหนดี เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่ต้องการจะติดกล้องวงจรปิดภายในบ้าน เพื่อความปลอดภัยต่อทรัพย์สินของเรา เมื่อเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน ก็จะช่วยสร้างความสบายใจและดูแลบ้านให้เราได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 
สำหรับกล้องวงจรปิดนั้น ถือว่ามีประโยชน์มากต่อทรัพย์สินของเรา อย่างย้อยก็เพื่อความสบายใจ เมื่อเกิดเหตุที่เราไม่คาดฝัน หลักฐนจากกล้องวงจรปิด สามารถใช้เป้นหลักฐานได้อย่างดีเลยทีเดียว เพราะจะป้องกันเหตุร้ายไม่ให้เกิดขึ้น ตรวจสอบความปลอดภัยภายในบ้านได้ตลอดเวลา ลดอัตราการเกิดโจรกรรมในบ้าน เพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ ๆ เข้าไม่ถึง แถมยังช่วยลดค่าประกันภัยได้ 5-10% เลยทีเดียว โดยกล้องวงจรปิด สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ Analog Camera , IP Camera ,P Camera (แบบไร้สาย) ซึ่งกล้องทั้ง 3 ประเภทนี้

ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิธีการติดตั้ง คุณภาพและความคมชัดของภาพที่ได้ และฟังก์ชันเทคโนโลยี ซึ่งจะมีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าหากว่า จะเลือกกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ส่วนใหญ่คนจะเลือกแบบไร้สาย เป็นกล้องวงจรปิดที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะมีฟังก์ชันที่หลากหลาย แถมยังติดตั้งเองได้ง่าย ทำงานรับ-ส่งข้อมูลด้วยสัญญาณ Wi-Fi ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถเชื่อมต่อและดูภาพจากกล้องแบบ Real Time ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ทุกที่ทุกเวลา โดยคุณภาพสัญญาณจะเสถียรหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งรบกวนสัญญาณจากภายนอก เช่น ความหนาของผนังบ้าน

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น รวมถึงมีการสำรองข้อมูลลงใน Network Video Recorder (NVR) ของระบบปฏิบัติการต่างๆได้ ซึ่งยากต่อการขโมย/ดัก/เปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือ Hacker ครับ เพราะข้อมูลวิดีโอแบบ Digital Stream สามารถบันทึกและใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการอื่นๆได้หลากหลาย เช่น ถ้ามีโจรเข้ามาในบ้าน ระบบก็จะถ่ายภาพและแจ้งเตือนเข้าสู่โทรศัพท์ของเราทันที

นอกจากนี้ ยังสามารถซูมและหมุนได้รอบทิศทาง ผ่านทางคันบังคับหรือควบคุมผ่านอินเตอร์เน็ต ทำให้สามารถตรวจสอบความเป็นไปภายในบ้านได้ตลอดเวลา และสามารถตั้งกล้องให้หมุนได้เองอัตโนมัติตามจุดต่าง ๆ ที่กำหนดไว้อีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยดูแลบ้านให้กับเราได้ สร้างความสบายใจให้กับเจ้าของบ้านได้ เมื่อเราไม่อยู่บ้านนานๆ เพราะสามารถดูจากที่ไหนก็ได้

 
 
หากสนใจจะติดตั้งกล้องวงจรปิด สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้  เพราะเราเป็นผู้ให้บริการในเรื่องของความปลอดภัยของอาคารบ้านเรือน มีบริการติดตั้งระบบต่างๆภายในที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าต้นกำลังและระบบจ่ายไฟฟ้าภายในอาคาร ระบบสุขาภิบาล และระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบปรับอากาศ และหมุนเวียนอากาศ ระบบงานบำรุงรักษาโครงสร้างอาคาร ระบบป้องกันเพลิง และระบบสื่อสาร และกล้องวงจรปิด แถมยังสามารถวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่เป็นไปตามมาตรฐาน

เพื่อให้ผลการบริหารจัดการของอาคารที่มีประสิทธิภาพ และอยู่ในงบประมาณที่สมเหตุสมผล ภายใต้ความปลอดภัยเพื่อให้ลูกค้ามีความสบายใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด แถมยังมีบริการดูแล ซ่อมบำรุงให้ตามระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย

15
Doctor At Home: โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac arrhythmia)

ปกติ หัวใจของคนเรา (ชีพจร) จะเต้นประมาณ 60-100 ครั้ง/นาที (ส่วนใหญ่ 72-80 ครั้ง/นาที) จังหวะสม่ำเสมอ และแรงเท่ากันทุกครั้ง

ภายหลังการออกกำลังกาย ตื่นเต้นตกใจ ดื่มชากาแฟ เครื่องดื่มเข้ากาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ กินยากระตุ้น (เช่น ยาแก้หืด ยาแก้หวัด หรือสูโดเอฟีดรีน แอมเฟตามีน ยาลดความอ้วน) หรือเป็นไข้ ชีพจรอาจเต้นเร็ว (> 100 ครั้ง/นาที) ได้ ซึ่งถือว่าเป็นภาวะปกติธรรมดา นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะช็อกก็มักมีชีพจรเต้นเร็วแต่เบา

ผู้ที่ออกกำลังสม่ำเสมอ ชีพจรอาจเต้นช้า (< 60 ครั้ง/นาที) ได้ แสดงว่าร่างกายอยู่ในภาวะแข็งแรง (ฟิต) เต็มที่

แต่ในผู้ที่มีความผิดปกติของหัวใจก็อาจมีชีพจรผิดปกติ เช่น เต้นช้าไป เร็วไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ หรือไม่เป็นจังหวะ จึงเรียกรวม ๆ ว่า โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจแสดงอาการได้หลายอย่างด้วยกัน


สาเหตุ

ถ้าหัวใจเต้นช้ากว่า 50 ครั้ง/นาที เรียกว่า หัวใจเต้นช้า (bradycardia) อาจพบเป็นปกติในนักกีฬาหรือคนที่ร่างกายฟิต อาจเกิดจากภาวะกระตุ้นประสาทเวกัส (vagus) ซึ่งทำให้ชีพจรเต้นช้า เช่น อาการเจ็บปวด หิวข้าว ร่างกายเหนื่อยล้า การกลืน อาการอาเจียนหรือท้องเดิน เป็นต้น อาจพบเป็นภาวะผิดปกติในผู้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด หรืออาจเกิดจากพิษของยา (เช่น ไดจอกซิน ยาปิดกั้นบีตา ยาอนุพันธ์ฝิ่น ยานอนหลับ ยาฆ่าแมลงออร์แกโนฟอสเฟต) พิษปลาปักเป้า พิษคางคก ภาวะตัวเย็นเกิน

ถ้าหัวใจเต้นเร็วกว่า 120 ครั้ง/นาที จังหวะอาจปกติหรืออาจไม่สม่ำเสมอและแรงไม่เท่ากัน* อาจพบในผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูมาติก โรคหัวใจขาดเลือด ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน  พิษยาไดจอกซิน

ถ้าหัวใจเต้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ (60-100 ครั้ง/นาที) แต่มีบางจังหวะที่เต้นรัว** หรือวูบหายไป*** ก็อาจพบเป็นปกติในคนบางคน แต่ก็อาจพบในคนที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจรูมาติก หรือเกิดจากบุหรี่ ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ ยากระตุ้น หรือเกิดจากพิษของยา (เช่น ไดจอกซิน)

*หัวใจเต้นเร็ว (tachycardia) มีภาวะที่พบบ่อย ได้แก่

- ภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว (atrial fibrillation/AF) มักมีชีพจรเต้น > 120 ครั้ง/นาที (อาจพบระหว่าง 80-180 ครั้ง/นาที) จังหวะไม่สม่ำเสมอ พบบ่อยในผู้ที่มีอายุมาก อาจมีสาเหตุจากโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจรูมาติก หัวใจอักเสบ (carditis) กล้ามเนื้อหัวใจพิการ (cardiomyopathy) หัวใจวาย ต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน เนื้องอกต่อมหมวกไต-ฟีโอโครโมไซโตมา ภาวะพิษแอลกอฮอล์ (alcohol intoxication) สิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอด (pulmonary embolism)

- ภาวะหัวใจห้องบนเต้นเร็วชนิดโรคกลับฉับพลัน (paroxysmal atrial tachycardia/PAT) ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นโดยไม่มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ ส่วนน้อยอาจเกิดจากโรคหัวใจขาดเลือด หรือพิษยาไดจอกซิน มักมีชีพจรเต้น 160-220 ครั้ง/นาที และเต้นสม่ำเสมอโดยเกิดขึ้นฉับพลัน และหายฉับพลัน นานครั้งละไม่กี่นาทีถึงหลายชั่วโมง มีอาการกำเริบเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาทำงานหนักหรือออกกำลังหักโหม ผู้ป่วยจะมีอาการใจสั่นอย่างมาก อ่อนเพลีย ศีรษะโหวง ๆ เหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอก ส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายร้ายแรง และอาการหัวใจเต้นเร็วจะทุเลาไปได้เอง มักทำให้ผู้ป่วยและญาติตกใจและไม่สุขสบายขณะมีอาการ และอาจทำให้แพทย์เข้าใจผิดว่าเป็นโรควิตกกังวลเนื่องจากเมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์มักจะเป็นช่วงอาการสงบแล้ว ซึ่งจะตรวจไม่พบอาการผิดปกติใดๆ

**หัวใจห้องบนเต้นก่อนกำหนด(atrial premature contraction/APC หรือ premature atrial contraction/PAC)

ทำให้การเต้นของหัวใจบางจังหวะเร็วกว่าปกติ คลำได้ชีพจรเต้นรัวติดกัน 2 จังหวะ มักพบในผู้สูงอายุที่สุขภาพแข็งแรงดี ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแสดง (นอกจากตรวจพบจากการคลำชีพจรหรือฟังเสียงหัวใจ) ยาหรือสารกระตุ้น เช่น กาเฟอีน บุหรี่ แอลกอฮอล์ ยาสูโดเอฟีดรีน ยาแก้หืด ยาลดความอ้วน อาจทำให้อาการกำเริบมากขึ้น น้อยรายที่พบว่ามีความสัมพันธ์กับภาวะความดันในปอดสูง (pulmonary hypertension) จากโรคทางปอดหรือหัวใจ

***หัวใจห้องล่างเต้นก่อนกำหนด (ventricular premature contraction/VPC หรือ premature ventricular contraction/PVC) ทำให้การเต้นของหัวใจ (ชีพจร) วูบหายหรือเว้นวรรคไปเป็นบางจังหวะ มักพบในผู้สูงอายุ อาจเกิดจากความเครียดทางร่างกายหรือจิตใจ ยาหรือสารกระตุ้น หรืออาจพบร่วมกับโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ภาวะหัวใจวาย หรือโรคลิ้นหัวใจพิการ ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการและไม่มีอันตรายร้ายแรง ยกเว้นถ้าพบร่วมกับโรคหัวใจ


อาการ

ในรายที่เป็นไม่รุนแรง มักไม่รู้สึกว่ามีอาการผิดปกติแต่อย่างใด บางรายอาจเพียงรู้สึกใจเต้นรัวหรือใจวูบหายไปบางจังหวะ โดยไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย และยังสามารถทำงานได้ตามปกติ

ในรายที่ชีพจรเต้นช้ามาก อาจมีอาการอ่อนเพลีย สับสน เวียนศีรษะ เป็นลม

ในรายที่ชีพจรเต้นเร็วมาก อาจมีอาการอ่อนเพลีย ใจสั่น หอบเหนื่อย เจ็บแน่นหน้าอก เวียนศีรษะ ศีรษะโหวง ๆ เป็นลม

นอกจากนี้ อาจมีอาการแสดงของโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น เจ็บหน้าอกในโรคหัวใจขาดเลือด มือสั่น เหงื่อออก น้ำหนักลด ในภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน


ภาวะแทรกซ้อน

มักไม่พบภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่แข็งแรงและไม่มีโรคหัวใจร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อนมักเกิดในผู้ป่วยที่มีชีพจรเต้นช้าหรือเร็วมากและต่อเนื่องนาน ๆ เช่น หัวใจวาย ความดันโลหิตตก เป็นลม

ในรายที่หัวใจเต้นช้ามาก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากทางเดินประจุไฟฟ้าหัวใจติดขัด (heart block) เช่น ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตาย ก็อาจขาดเลือดไปเลี้ยงสมองทำให้หมดสติและชักได้

ที่สำคัญในรายที่มีภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว (ชีพจร 80-180 ครั้ง/นาที จังหวะไม่สม่ำเสมอและชีพจรแรงบ้างค่อยบ้าง) อาจเกิดลิ่มเลือดในหัวใจแล้วหลุดลอยไปอุดตันหลอดเลือดต่าง ๆ รวมทั้งหลอดเลือดสมอง ทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีกแทรกซ้อนได้ ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากให้การรักษาภาวะนี้จนการเต้นของหัวใจกลับเป็นปกติ ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดหลุดอุดตันหลอดเลือดสมอง (อ่านเพิ่มเติมที่ โรคหลอดเลือดสมอง สมองขาดเลือดชั่วขณะ อัมพาตครึ่งซีก) มากกว่าคนทั่วไป 5-8 เท่า


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในรายที่เป็นไม่รุนแรง (มีสาเหตุจากหัวใจห้องบนหรือห้องล่างเต้นก่อนกำหนด) อัตราการเต้นของชีพจรมักจะอยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 60-100 ครั้ง/นาที แต่จะพบว่ามีบางจังหวะที่เต้นรัวหรือวูบหาย อาจพบ 1-2 ครั้ง/นาที ถ้าเป็นมากก็อาจพบได้ถี่กว่านี้

ส่วนผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า มักจะพบชีพจรเต้น < 50 ครั้ง/นาที ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นเร็วจะพบชีพจรเต้น > 120 ครั้ง/นาที จังหวะอาจเป็นปกติหรืออาจเต้นไม่สม่ำเสมอ ไม่เป็นจังหวะ ชีพจรแรงบ้างค่อยบ้าง ฟังเสียงหัวใจอาจพบเสียงดังไม่เท่ากันและไม่เป็นจังหวะ อาจพบความดันโลหิตต่ำ บางครั้งอาจตรวจพบอาการของโรคที่เป็นสาเหตุหรือภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน หัวใจมีเสียงฟู่ในโรคหัวใจรูมาติก เท้าบวม และฟังปอดมีเสียงกรอบแกรบในภาวะหัวใจวาย แขนขาอ่อนแรงซีกหนึ่งในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดสมองแทรกซ้อน เป็นต้น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เอกซเรย์ ตรวจเลือด และตรวจพิเศษอื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่อัตราชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติ (60-100 ครั้ง/นาที) เพียงแต่ตรวจพบว่าชีพจรเต้นรัวหรือวูบหายเป็นบางจังหวะ และผู้ป่วยรู้สึกสบายดี น่าจะเกิดจากภาวะหัวใจห้องบนหรือห้องล่างเต้นก่อนกำหนด ก็ไม่ต้องให้ยารักษา เพียงแต่แนะนำให้ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ผ่อนคลายความเครียด หลีกเลี่ยงยาและสารกระตุ้น (งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ กาเฟอีน ยาแก้หืด ยาแก้หวัด ยาลดความอ้วน เป็นต้น)

แต่ถ้ามีอาการชีพจรเต้นรัวหรือวูบหายแบบถี่ ๆ นาทีละหลายครั้ง หรือชีพจรเต้นจังหวะไม่สม่ำเสมอและแรงไม่เท่ากันตลอด (อาจเป็นภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว โดยมีอัตราชีพจร < 100 ครั้ง/นาที ก็ได้) หรือมีอาการเจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย หรือฟังหัวใจได้ยินเสียงฟู่ แพทย์ก็จะทำการตรวจหาสาเหตุ

สำหรับผู้ที่มีภาวะหัวใจห้องล่างเต้นก่อนกำหนด อาจพบว่ามีโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย หรือลิ้นหัวใจพิการร่วมด้วย ถ้าตรวจพบ แพทย์ก็จะทำการรักษาโรคเหล่านี้ ในรายที่มีโรคลิ้นหัวใจพิการ (ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วและอาจทำให้เสียชีวิตฉับพลันได้) แพทย์จะให้ยาปิดกั้นบีตา เช่น โพรพราโนลอลกินควบคุมอาการ

2. ในรายที่ชีพจร < 50 ครั้ง/นาที หรือ > 120 ครั้ง/นาที หรือชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ และแรงไม่เท่ากันตลอด ถ้าพบว่าผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอกมาก หายใจหอบเหนื่อย แขนขาอ่อนแรงข้างหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นฉับพลันเป็นลมหมดสติ หรือชัก แพทย์จะรีบแก้ไขภาวะแทรกซ้อนและให้การรักษาตามสาเหตุที่ตรวจพบ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจรูมาติก พิษจากยา (เช่น ไดจอกซิน) พร้อมทั้งให้การรักษาเพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจให้กลับเป็นปกติ ดังนี้

    ในรายที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า แพทย์อาจให้ยากระตุ้น ได้แก่ อะโทรพีน ถ้าไม่ได้ผลหรือเป็นรุนแรง อาจจำเป็นต้องผ่าตัดใส่ตัวคุมจังหวะหัวใจ (cardiac pacemaker) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ผลิตประจุไฟฟ้ากระตุ้นการเต้นของหัวใจ
    ในรายที่มีภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว จะต้องรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ถ้ามีภาวะฉุกเฉินรุนแรงก็รีบให้การแก้ไข และพิจารณาให้การรักษาเพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจให้กลับเป็นปกติ (cardioversion) โดยการใช้เครื่องช็อกหัวใจ (defibrillator) หรือการใช้ยา ร่วมกับการให้สารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น เฮพาริน วาร์ฟาริน) ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้วิธีการรักษาและให้ยาตามระยะของโรคที่เป็น และความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดหลุดอุดตันหลอดเลือดสมอง

หลังจากนั้นแพทย์จะให้ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ (antiarrhythmic) และสารกันเลือดเป็นลิ่ม (โดยให้กินวาร์ฟารินในรายที่มีความเสี่ยงสูงหรือแอสไพรินในรายที่มีความเสี่ยงต่ำ) อย่างต่อเนื่อง
 

บางรายแพทย์อาจให้การรักษาด้วยวิธีตัดปมประจุไฟฟ้าเอวี (atrioventricular/AV node ablation) โดยการแยงสายอิเล็กโทรดเข้าไปสร้างความร้อนทำลายเนื้อเยื่อ (catheter radiofrequency ablation) และถ้าการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ได้ผล ก็จะทำการผ่าตัดเนื้อเยื่อหัวใจส่วนที่เป็นต้นตอของโรค

    ในรายที่มีภาวะหัวใจห้องบนเต้นเร็วชนิดโรคกลับฉับพลัน (PAT) แพทย์จะให้ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะควบคุมอาการ เช่น ยาปิดกั้นบีตา ผู้ป่วยส่วนน้อยที่ใช้ยาไม่ได้ผล อาจต้องทำการรักษาด้วยเครื่องช็อกหัวใจ หรือตัดปมประจุไฟฟ้าเอวีด้วยการใส่สายอิเล็กโทรด


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น  มีอาการหัวใจเต้นรัว เต้นเร็ว หรือช้ากว่าปกติ  เต้นจังหวะไม่สม่ำเสมอ หรือมีจังหวะเต้นกระตุก หรือวูบหายเป็นบางจังหวะ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรดูแลรักษา ดังนี้

1. ดูแลรักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 

2. ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

3. ควรปฏิบัติตัว ดังนี้

    งดการบริโภคสุรา ยาสูบ ชา  กาแฟ
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    หลีกเลี่ยงการทำงานหรือการออกกำลังที่หักโหม
    หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง เพราะอาจมีผลทำให้โรคกำเริบ

4. ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการเจ็บจุกหน้าอกกำเริบ หรือ รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือเท้าบวม
    มีอาการจุกแน่นลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะ และกินยารักษาโรคกระเพาะไม่ทุเลา
    กินยาแล้วไม่ทุเลา หรือ กลับมีอาการกำเริบใหม่
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

อาจป้องกันโรคนี้ด้วยการปฏิบัติตัว ดังนี้

    หาทางป้องกันไมให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือด
    ออกกำลังกายเป็นประจำ
    ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    หลีกเลี่ยงการบริโภคสุรา ยาสูบ ชา กาแฟ สารกระตุ้นหัวใจ
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด

ข้อแนะนำ

ผู้ป่วยที่บ่นว่ามีอาการใจสั่น ใจหวิว อาจเกิดจากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือสาเหตุอื่น ๆ แพทย์จะซักถามอาการ ตรวจชีพจร (ควรจับชีพจรนาน 1-2 นาที เป็นอย่างน้อย) และใช้เครื่องฟังตรวจหัวใจ ถ้าชีพจรช้าหรือเร็วกว่าปกติหรือไม่สม่ำเสมอ ก็แสดงว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะจริง ถ้าชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที และเต้นปกติ อาจเกิดจากโรควิตกกังวล หรือโรคแพนิก สาเหตุของอาการใจสั่น (ตรวจอาการใจสั่น)

หน้า: [1] 2 3 ... 33