โรคขาอยู่ไม่สุข* เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท ทำให้มีอาการขยับขาหรือขากระตุก ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
พบได้ในคนทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็ก และพบมากขึ้นตามอายุ พบมากในช่วงวัยกลางคน ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย และอาการมักรุนแรงกว่า
ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 50 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีอาการตั้งแต่อายุน้อยกว่า 40 ปี มีประวัติว่ามีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย ซึ่งเนื่องมาจากมีกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติ
*มีอีกชื่อหนึ่งว่า Willis-Ekbom disease
สาเหตุ
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวกับสมองผลิตสารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า โดพามีน (dopamine) ได้น้อยกว่าปกติ ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางกรรมพันธุ์ (พบว่าผู้ป่วยบางรายมียีนผิดปกติที่ถ่ายทอดให้ลูกหลานได้)
สารโดพามีนเกี่ยวข้องกับการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เมื่อมีน้อยกว่าปกติก็จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งและเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ โดยปกติโดพามีนจะลดระดับลงในช่วงเย็น ๆ ดังนั้นโรคนี้จึงมักมีอาการเกิดขึ้นในช่วงเย็น ๆ ค่ำ ๆ และตอนกลางคืน
ส่วนน้อยอาจพบว่ามีสาเหตุ คือ พบร่วมหรือเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ อาทิ
ภาวะขาดธาตุเหล็ก (เช่น มีเลือดออก มีประจำเดือนออกมาก) ซึ่งอาจทำให้เกิดมีภาวะโลหิตจางหรือไม่ก็ได้ ภาวะขาดธาตุเหล็กทำให้โดพามีนลดลง จึงทำให้เกิดโรคขาอยู่ไม่สุขได้
ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ซึ่งมักมีภาวะขาดธาตุเหล็กและโลหิตจาง
ผู้ที่มีภาวะปลายประสาท (ที่แขนขา) เสื่อม ซึ่งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน หรือโรคพิษสุราเรื้อรัง
โรคพาร์กินสัน
ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ หรือการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังระหว่างผ่าตัด
หญิงบางคนอาจมีอาการนี้ระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 3 และหลังคลอดอาการจะหายไปได้เอง
นอกจากนี้พบว่ามียาบางชนิดที่ทำให้อาการรุนแรงขึ้น เช่น ยาแก้แพ้ แก้อาเจียน ยาต้านซึมเศร้า ยาทางจิตประสาท
อาการ
ผู้ป่วยมีความรู้สึกแปลก ๆ ที่ขา เช่น รู้สึกคัน แสบร้อน รู้สึกยิบ ๆ เหมือนมีตัวอะไรไต่ที่ขา รู้สึกปวดตุบ ๆ เจ็บจี๊ด ๆ คล้ายถูกเข็มแทง รู้สึกว่าถูกดึงขา เป็นต้น บางคนอาจบรรยายลักษณะอาการไม่ถูก และมักบอกว่าไม่เหมือนเป็นเหน็บชาหรือเป็นตะคริว ผู้ป่วยมักบอกว่ามีความรู้สึกที่ทนไม่ได้และจะต้องขยับขาเพื่อให้ความรู้สึกนั้นหายไป
บางรายอาจมีอาการที่บริเวณอื่น (เช่น แขน หน้าอก ศีรษะ ใบหน้า) ร่วมด้วยก็ได้ ส่วนใหญ่มักเป็นที่ขา 2 ข้าง อาจเป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วเป็นอีกข้างตามมา หรืออาจเป็นเพียงข้างเดียว
มักเป็นในช่วงเวลานั่งนิ่ง ๆ นาน ๆ (เช่น ระหว่างอยู่ในห้องประชุม ชมภาพยนตร์ นั่งรถ หรือเครื่องบิน) หรือเวลานอน มักเป็นมากในช่วงเย็น ๆ ค่ำ ๆ จนถึงกลางดึก อาการมักน้อยลงในช่วงย่ำรุ่ง และเวลานวดคลึงหรือเคลื่อนไหวขา (เช่น ยืดเหยียดขา ขยับขาไปมา ก้าวเดิน) อาการมักจะทุเลาลง
อาการที่เป็นแต่ละครั้งมีความรุนแรงไม่เท่ากัน บางครั้งอาจเป็นเพียงเล็กน้อย บางครั้งอาจรุนแรงถึงทำให้นอนไม่หลับ อาจมีอาการทุกวัน หรืออาจเป็น ๆ หาย ๆ เป็นครั้งคราว
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีภาวะขากระตุกขณะนอนหลับ (periodic limb movement disorder/PLMD) ร่วมด้วย โดยมักมีอาการขากระตุกโดยอัตโนมัติตอนนอนหลับเป็นครั้งคราว แต่ละคราวมักมีอาการกระตุกซ้ำ ๆ ทุก 20-40 วินาที บางครั้งอาจรุนแรงถึงทำให้ตื่นขึ้น
ข้อมูลสุขภาพ: โรคขาอยู่ไม่สุข (Restless legs syndrome/RLS) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/expert-scoops