ผู้เขียน หัวข้อ: เทียบชัดไปเลย! "ลดน้ำหนัก" แบบไหน ผอมไวสุด!!  (อ่าน 132 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 262
    • ดูรายละเอียด
เทียบชัดไปเลย! "ลดน้ำหนัก" แบบไหน ผอมไวสุด!!
« เมื่อ: วันที่ 22 กรกฎาคม 2024, 19:54:05 น. »
เทียบชัดไปเลย! "ลดน้ำหนัก" แบบไหน ผอมไวสุด!!

เราก็เป็นอีกคนนึงที่อยากลดน้ำหนักแต่ไม่รู้จะเริ่มวิธีไหนดี ที่ลอง ๆ ไปก็พังหมด ไม่เวิร์คซะยังงั้น จนต้องหาข้อมูลทำการบ้านว่าวิธีไหนกันแน่ที่เหมาะกับเรา วันนี้เราเลยมาแชร์ต่อให้เพื่อน ๆ ที่กำลังหาว่าตัวเองเหมาะกับวิธีลดน้ำหนักแบบไหน บอกเลยนะว่าถ้าเจอไว ก็ผอมไวไปด้วยจ้า!


1. Ketogenic Diet ยิ่งมัน ยิ่งดี

คืออะไร : กินคีโตคือการเน้นกินไขมันเยอะ ๆ และลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือปริมาณน้อยมาก ๆ ในแต่ละมื้อ เพื่อให้ร่างกายนำไขมันสะสมมาเผาผลาญเป็นพลังงาน เนื่องจากปกติร่างกายจะดึงเอากลูโคสที่ได้จากแป้งและน้ำตาลมาใช้ แต่พอเราลดมันลงปุ๊บ ร่างกายเราก็ฉลาด หาแหล่งพลังงานใหม่มาแทนที่ ซึ่งก็หนีไม่พ้นไขมันที่เรากินเข้าไป ทำแบบนี้ร่างกายจะเกิดภาวะคีโตสิส (Ketosis) และเปลี่ยนภาวะร่างกายให้เผาผลาญไขมันได้เองในที่สุด


ลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค

กินยังไง : วิธีนี้เราจะเน้นกินไขมันเยอะ พวกเนื้อติดมัน น้ำมันหมู เนย ชีส กินได้หมดเลย ยิ่งถ้าคัดสรรแต่ไขมันดีอย่างอะโวคาโด แซลมอนมาด้วยแล้วยิ่งดี รองลงมาจะเป็นโปรตีนและหลีกเลี่ยงแป้ง น้ำตาล ขนมนมเนยทั้งหลายให้ได้มากที่สุด ถือว่าวิธีนี้เอาใจคนชอบกินกับอย่างเรามากเลย

เหมาะกับใคร : เหมาะมากกับคนที่ไม่ชอบกินคลีน กินผัก และเบื่อความยุ่งยากวุ่นวายในการคำนวณแคลอรี จำกัดสัดส่วนอาหารในแต่ละมื้อ ที่สำคัญวิธีนี้ยังเหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักในระยะสั้น เน้นผอมไว ไม่เน้นความเฮลตี้มากนัก

Noted : วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนอายุ 50+ นะ เพราะอาจทำให้วูบ หน้ามืดเป็นลมได้


2. Paleo Diet เน้นกินผักผลไม้แบบมนุษย์ถ้ำ

คืออะไร : การกินแบบนี้เป็นวิธีกินที่เหมือนย้อนเวลากลับไปสมัยมนุษย์ยุคหินที่ยังไม่มีการเพาะปลูก ฉะนั้นอาหารส่วนใหญ่ในยุคนั้นก็จะเป็นพวก เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ผัก ผลไม้ ถั่ว และเมล็ดพืชต่าง ๆ ที่หาได้ ทีนี้เราก็เลยเล็งเห็นว่ายุคนั้นคนไม่เป็นโรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือปัญหาสุขภาพที่เกิดจากอาหารเหมือนคนยุคนี้ วิธีนี้จึงฮิตขึ้นมานั่นเองค่ะ


ลดน้ำหนักแบบ paleo diet

กินยังไง : เน้นกินผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลาที่มีโอเมก้าสูง ถั่ว รวมถึงน้ำมันจากพืชอย่างน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันวอลนัต เป็นต้น และที่สำคัญต้องเป็นวัตถุดิบที่ส่งตรงจากธรรมชาติ ปลอดสารเคมี ไม่ผ่านการแปรรูป ไม่ขัดสี ไม่ผ่านการปรุงแต่ง น้ำตาล เกลือ แป้ง ขนม นม เนย นี่เซย์โนไปได้เลย

เหมาะกับใคร : คนที่ไม่ชอบการอดอาหาร ชอบกินอาหารหลากหลายและได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะคนที่รักการกินแบบชีวจิต ไม่ผ่านการปรุงแต่ง แต่อยากลดความอ้วนแบบไว ๆ

Noted : แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวานนะ เพราะจะต้องมีการอดแป้ง น้ำตาล นม เนย เต็ม ๆ จะทำให้น้ำตาลตกได้


3. Atkins Diet เน้นเฉพาะโปรตีน กินเนื้อไม่กินแป้ง

คืออะไร : วิธีนี้ฮิตกันมาเป็น 10 ปี และมีการปรับปรุงสูตรกันอยู่หลายรอบจนมาลงตัวที่ การเน้นกินโปรตีนสูง และคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก ๆ โดยที่ทำแบบนี้ก็เพราะปกติเวลาที่เรากินแป้งหรือน้ำตาลเข้าไป ร่างกายจะผลิตอินซูลินซึ่งมีผลกับความหิว แต่พอเราไม่กินแป้งเข้าไปปุ๊บ ร่างกายก็จะเริ่มดึงไขมันที่สะสมไว้มาใช้แทนนั่นเองค่ะ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมวิธีนี้ถึงผอมไว

ลดน้ำหนัก Atkins Diet กินเนื้อไม่กินแป้ง

กินยังไง : เน้นกินเนื้อสัตว์ไปเลยเน้น ๆ แถมยังสามารถกินไขมันดีได้อย่างพวก ชีส และไข่ก็กินได้เลย โดยไม่ต้องจำกัดปริมาณ ตามด้วยผักผลไม้ได้อีกนิดหน่อย แต่ที่ไม่ได้เลยจริง ๆ ก็คือ อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต อย่างเช่นพวก น้ำตาล ผลไม้รสหวาน แป้ง และข้าว

เหมาะกับใคร : เหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักเยอะ ๆ ในเวลาสั้น ๆ เพราะลดได้เร็วมาก โดยเฉพาะในช่วง 3-6 เดือนแรก

Noted : เพราะน้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดผลเสียในระยะยาวได้ จะทำวิธีนี้ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์และหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำค่ะ


4. Intermittent Fasting (IF)

คืออะไร : คือการอดอาหารระยะสั้นเพื่อเล่นกับการเผาผลาญไขมันในร่างกาย โดยการอดอาหารระยะสั้น ๆ นี้จะทำให้ระดับอินซูลินลดลง ระดับ Growth Hormone สูงขึ้น ทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายเพิ่มขึ้นถึง 3.6-14% เลยทีเดียว โดยที่ไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงเหมือนอย่างการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักที่ทำอย่างต่อเนื่องด้วยค่ะ


อดอาหาร IF ลดน้ำหนัก

กินยังไง : จริง ๆ การอดอาหารแบบ IF มีด้วยกันถึง 6 แบบ แต่วิธีที่นิยมที่สุดนั่นก็คือแบบ Lean Gains คืออดอาหาร 16 ชั่วโมง และกิน 8 ชั่วโมง โดยไม่มีจำกัดเวลาที่แน่นอน แต่สามารถเลือกช่วงเวลาได้ตามความเหมาะสมของการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้เลยตามความสะดวก ส่วนถ้าใครอยากรู้ว่าการลดน้ำหนัก IF สูตรอื่น ๆ จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูได้เลย ที่นี่

เหมาะกับใคร : คนที่อยากลดน้ำหนักในระยะยาว เสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย รวมทั้งฟื้นฟูสุขภาพโดยรวม เสริมภูมิคุ้มกันและเพิ่มความจำให้สมอง

Noted : สำหรับคนที่ไม่เคยอดมาก่อนอาจเริ่มจาก 12:12 แล้วค่อยปรับมาเป็น 16:8 ตามลำดับ เพื่อสร้างความเคยชินให้ร่างกายก่อนอดจริง


สรุปเปรียบเทียบลดน้ำหนักแต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสีย อะไรบ้าง?

แล้วเพื่อน ๆ ล่ะคะ ชอบวิธีลดน้ำหนักแบบไหน แล้ววิธีไหนที่เป็นวิธีลดความอ้วนที่ดีที่สุดสำหรับเพื่อน ๆ กันบ้าง ถ้าหาเจอที่ชอบ ลองทำที่ใช่แล้ว ได้ผลยังไงก็อย่าลืมคอมเมนต์บอกเราด้านล่างด้วยนะ เราจะตามไปอ่านทุกคอมเมนต์เลย!